Table of Contents

หมามีสารพัดพฤติกรรมที่ชวนปวดหัว ก่อนหน้านี้เราเคยคุยกันไปถึงสาเหตุและวิธีแก้ปัญหาพฤติกรรมหมา ๆ เหล่านั้นกันมาบ้างแล้ว แต่นอกเหนือจากการฝึกพฤติกรรมแล้วการฝึกหมาที่ถูกต้องจะยังสามารถสร้างพื้นฐานเพื่อแก้ปัญหาพฤติกรรมได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเราเรียกว่า“Concept Training” หรือ “การฝึกผ่านคอนเซ็ปต์” โดยเน้นการปรับ “มายด์เซ็ต” (Mindset) ของหมา ให้เขาพร้อมรับมือกับโลกมนุษย์ของเราได้ดียิ่งขึ้น!

Mindset Training คืออะไร ?

แทนที่เราจะคอยตามแก้ปัญหาพฤติกรรมทีละเรื่อง Mindset หรือ Concept Training คือการที่เรามองให้ลึกลงไปถึง “ระบบความคิด” หรือ “มายด์เซ็ต” ของหมาผ่านการเล่นและการฝึก โดยกิจกรรมเหล่านี้จะปรับรากฐาน “มายด์เซ็ต” ที่ดีและแข็งแรงจากภายใน

ลองดูตัวอย่าง “มายด์เซ็ต” ที่เราสร้างได้ผ่าน Concept Training นะครับ:

  • การ “อยากอยู่ใกล้” (Proximity): ปัญหาที่หลายคนเจอคือเรียกหมาแล้วไม่มา หรือชอบวิ่งเตลิด การสร้างมายด์เซ็ตนี้จะทำให้หมาอยากอยู่ใกล้เรา รู้สึกดีและปลอดภัยเมื่อมีเราอยู่ใกล้ๆ ลดปัญหาการหนีเที่ยว หรือปัญหาหูดับเวลาอยู่ข้างนอก
  • การ “โฟกัส” (Focus): เคยไหมที่พยายามสอนอะไรน้องหมา แต่เขาดูวอกแวกไปหมด? การฝึกโฟกัสจะช่วยให้น้องสนใจและจดจ่อกับเราได้ดีขึ้น ทำให้การสอนหรือสื่อสารกันเป็นเรื่องง่ายขึ้น
  • การ “มองโลกในแง่ดี” (Optimism): น้องหมาที่ขี้กลัวหรือวิตกกังวลมักจะ เห่า สิ่งแปลกใหม่ หรือแสดงพฤติกรรมไม่มั่นใจ การสร้างมายด์เซ็ตนี้จะช่วยให้เขากล้าเผชิญโลกด้วยความมั่นใจ ลดปัญหาการเห่าจากความกลัวหรือความไม่แน่ใจ
  • การ “ปรับตัวเก่ง” (Flexibility): โลกเรามีอะไรเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มายด์เซ็ตนี้จะช่วยให้น้องหมาปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ หรือคนใหม่ๆ ได้โดยไม่เครียดจนเกินไป
  • การ “ควบคุมตัวเอง” (Self-Control): น้องหมาที่ขาดการควบคุมตัวเอง อาจจะ แทะ ทำลายข้าวของเมื่อเบื่อ หรือตื่นเต้นจนกระโจนใส่คน การสร้างมายด์เซ็ตนี้จะช่วยให้เขาสงบลง รู้จักรอคอย และลดพฤติกรรมที่เกิดจากความหุนหันพลันแล่นมากขึ้น

การปรับ “มายด์เซ็ต” ของหมาแบบนี้คือวิธีที่ที่จะช่วยแก้ปัญหาพฤติกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเห่า การแทะ การขุด หรือแม้แต่ความตื่นตัวมากเกินไปได้อย่างยั่งยืน เพราะเราไม่ได้แก้ที่ปลายเหตุ แต่เราสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ให้เขาจากข้างใน

การฝึกและการเล่นเป็นเรื่องเดียวกัน

หัวใจของ Mindset Training คือการทำให้หมาตัดสินใจเลือกทำสิ่งที่เราอยากให้เขาทำด้วยตัวเองจนติดเป็นนิสัย และพัฒนามายด์เซ็ตของตัวเองในการตัดสินใจทำพฤติกรรมเหล่านั้น โดยการออกแบบกิจกรรมการฝึกที่สนุก และทำได้ต่อเนื่อง ซึ่งผลลัพท์ของการฝึกแบบนี้คือ

  1. หมาแฮปปี้ เจ้าของแฮปปี้: การฝึกคือการเล่น เมื่อน้องหมาสนุก เขาก็อยากเรียนรู้ อยากมีส่วนร่วมกับเรามากขึ้น เราเองก็สนุกไปกับเขาได้
  2. แก้ปัญหาที่ต้นตอ: การสร้างมายด์เซ็ตที่แข็งแรงช่วยป้องกันและลดปัญหาพฤติกรรมต่างๆ ที่เราเคยปวดหัว เช่น น้องหมาที่เรียนรู้ที่จะสงบและมีสมาธิ (Focus + Self-Control) ก็จะไม่ทำลายของจากความเบื่อ หรือหมาที่รู้สึกมั่นคงและมองโลกในแง่ดี (Optimism) ก็จะไม่ เห่า พร่ำเพรื่อจากความกลัว
  3. ผลลัพธ์ติดตัวไปตลอดชีวิต: มายด์เซ็ตที่ดีที่สร้างขึ้น จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของเขา ทำให้เขาเป็นหมาที่น่ารักและปรับตัวเก่งในระยะยาว
  4. ยืดหยุ่น เหมาะกับน้องหมาทุกตัว: ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว เราสามารถเลือกเกมและปรับวิธีการให้เข้ากับน้องหมาของเราได้เลย

ทำไมการฝึก Mindset Training ถึงเวิร์ค ?

การฝึก Mindset เราจะไม่เริ่มจากการฝึกในสถานการณ์จริงที่เขามีปัญหา แต่เป็นการฝึกให้เขามี Mindset ที่จำเป็นในการรับมือกับสถานการณ์นั้น ๆ ผ่านกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อสอน สร้างเสริม และพัฒนาคอนเซ็ปต์หรือมายด์เซ็ตที่ต้องการ

เราอาศัยกิจกรรมเหล่านี้เล่นกับเขาอย่างสนุกบ่อย ๆ ได้ตลอดวัน เพื่อให้หมาได้ตัดสินใจได้ถูกต้องซ้ำ ๆ จนเป็นนิสัย และง่ายสำหรับหมาที่จะคิดและทำในแบบที่เราต้องการ แม้ในสถานการณ์ที่ยาก ดังนั้นการฝึก  Concept Training จึงเน้นการฝึกด้วยกิจกรรมที่สนุก และทำได้ทุกวันเพื่อให้ “สมอง” ทำสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น

โดย 3 หลักการสำคัญเบื้องหลังการฝึก Mindset มีดังนี้:

1. Neuroplasticity: สมองหมามีความยืดหยุ่น พร้อมเปลี่ยนแปลงเสมอ

หัวใจสำคัญที่สุดคือเราอาศัยธรรมชาติของสมองของสุนัขมีความยืดหยุ่น (Neuroplasticity) ไม่ต่างจากมนุษย์ สมองไม่ได้ถูกกำหนดมาตายตัว แต่สามารถสร้างเส้นทางประสาทใหม่ๆ และปรับเปลี่ยนโครงสร้างได้ตลอดชีวิตตามประสบการณ์ที่ได้รับ

ทุกครั้งที่เราเล่นเกมฝึกสมองกับเขา เรากำลังกระตุ้นให้สมองสร้างและเสริมความแข็งแกร่งให้กับเส้นทางประสาทที่เขาใช้ในการตัดสินใจทำพฤติกรรมที่เราต้องการ การทำซ้ำๆ และตามมาด้วยรางวัลจะเปลี่ยนจาก เส้นทางระบบประสาทเล็ก ๆ ในให้กลายเป็นเหมือนทางด่วน ที่ทำให้หมาตัดสินใจแบบนั้นเป็นอัตโนมัติ  โดยเราสามารถ “ปรับแต่งสมอง” และปรับกระบวนการคิดของสุนัขได้เสมอ ไม่ว่าเขาจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม


2. Reward Decision: ให้รางวัลที่ “การตัดสินใจ” ไม่ใช่”พฤติกรรม”

นี่คือความแตกต่างสำคัญระหว่างการฝึก Mindset และการฝึกแบบดั้งเดิม คือการฝึก Mindset ไม่ได้ให้รางวัลเมื่อสุนัข “ทำตามคำสั่ง” แต่จะให้รางวัลเมื่อสุนัข “เลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง” ด้วยตัวเอง

เช่น การฝึกสั่งให้หมา “มานี่” แล้วให้รางวัลซ้ำ ๆ ตามการฝึกแบบปกติทั่วไปนั้น ให้ผลแตกต่างจากการที่เราหาทางให้หมาเลือกที่จะหันกลับมามองหรือเดินเข้ามาหาเราเองแล้วจึงให้รางวัล แม้จะเป็นพฤติกรรมเดียวกัน แต่ความแตกต่างสำคัญคือการที่หมาตัดสินใจด้วยตัวเองโดยที่เราไม่บอก

การให้หมาได้ตัดสินใจเองกระตุ้นสมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ในการตัดสินใจและแก้ปัญหาได้ดีกว่าการทำตามเราบอก และส่งผลให้หมาเรียนรู้ในระดับที่ลึกซึ้งกว่า เพราะเขาไม่ได้แค่เรียนรู้ว่าต้องทำอะไร แต่เรียนรู้ว่า “การตัดสินใจเลือกเรานั้นเป็นความคิดที่ดี” ซึ่งจะสร้างแรงจูงใจจากภายในที่แข็งแกร่งและยั่งยืนกว่ามาก

เมื่อเราสร้างเรียนรู้ในระดับการตัดสินใจให้หมาแบบนั้นแล้ว การสอนคำสั่งและใช้คำสั่ง “มานี่” เพื่อเรียกหาพฤติกรรมก็จะทรงพลังกว่าเดิมได้มาก ๆ


3. Fun: “ความสนุก” คือเชื้อเพลิงของการเรียนรู้

นอกเหนือจากรางวัลที่เป็นขนมหรือของเล่นแล้ว “ความสนุก” คือองค์ประกอบที่จำเป็นกว่าการฝึกแบบปกติ เพราะสำหรับการฝึกเพื่อสร้างกรอบความคิดให้หมานั้นความสนุกจะไม่ใช่แค่การทำให้การฝึกน่าเบื่อน้อยลง แต่เป็นการสร้าง สภาวะทางเคมีในสมองที่เหมาะสมที่สุด เพื่อการเรียนรู้และสร้างแนวคิดใหม่ๆ

เราทราบกันแล้วว่าสมองหมานั้นมีความยืดหยุ่นพร้อมเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นต้องอาศัยสารเคมีในสมองที่ชื่อว่า โดปามีน (Dopamine) มันเป็นตัวบอกสมองว่าต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง และเปลี่ยนอย่างไร หากปราศจากสภาวะทางเคมีในสมองที่เหมาะสม การเรียนรู้จะช้าและนิสัยจะเปราะบาง

แม้โดปามีนจะผลิตออกมาเวลาที่หมามีความสุข แต่มันไม่ใช่แค่ “สารแห่งความสุข” เพียงอย่างเดียวมันยังเป็น “สารแห่งแรงจูงใจ” ด้วย และในบริบทของการเรียนรู้หน้าที่ของโดปามีนคือการบอกสมองว่าควรให้ความสำคัญกับอะไร พูดง่าย ๆ คือการให้หมาได้ฝึกตัดสินใจให้ดีในสภาพแวดล้อมที่สนุกจะทำให้หมาชอบที่จะตัดสินใจแบบนั้น และคิดแบบนั้นจนเป็นนิสัย เช่น การที่หมาคิดอยากจะอยู่ใกล้เราตลอดเวลา แม้จะไม่ได้เรียก

16 Mindset พื้นฐานของหมามีอะไรบ้าง

16 Mindset พื้นฐานของหมา

การจัดกลุ่ม Mindset นั้นไม่ได้มีรูปแบบที่เป็นมาตรฐานและขึ้นกับสถานบัน โดยทาง Dogology นั้นให้ความสำคัญกับ 16 Mindset พื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตร่วมกันกับมนุษย์ในบ้าน ได้แก่

  1. Arousal Down (การลดระดับความตื่นตัว) – ความสามารถในการสงบลงได้อย่างรวดเร็วหลังอยู่ในภาวะตื่นตัว เช่น หลังการเล่น
    💡 การพัฒนา ฝึกสลับกิจกรรมที่ใช้พลังงานสูงกับกิจกรรมที่สงบ เช่น การเล่นชักเย่อกับหมาสลับกับการบอกให้เข้ากรงไปนอน เพื่อช่วยให้สุนัขของคุณเปลี่ยนจาก ‘ตื่นตัว’ เป็น ‘สงบ’
  2. Arousal Up (การเพิ่มระดับความตื่นตัว) – การตื่นตัวจากความสงบขึ้นมาเมื่อถูกชวนทำกิจกรรม เช่น ตื่นตัวทันทีเมื่อเจ้าของหยิบของเล่น
    💡 การพัฒนา ฝึกพร้อมกับการลดระดับความตื่นตัว โดยการสลับกิจกรรมที่ใช้พลังงานสูงกับกิจกรรมที่สงบ เช่น การเล่นชักเย่อกับหมาสลับกับการบอกให้เข้ากรงไปนอน เพื่อช่วยให้สุนัขของคุณเปลี่ยนจาก ‘ตื่นตัว’ เป็น ‘สงบ’ สลับไปมา
  3. Calmness (ความสงบ) – ความสามารถในการรักษาความสงบและควบคุมอารมณ์ได้ดีแม้ในสถานการณ์ที่ท้าทาย
    💡 การพัฒนา ฝึกการอยู่ในกรง หรือการเข้าพื้นที่สงบ: จัดหากิจกรรมที่ทำให้สงบโดยธรรมชาติ (เช่น ของขบเคี้ยว), ให้รางวัลเมื่อสุนัขแสดงความสงบเอง และจัดพื้นที่อยู่อาศัยให้ไม่มีสิ่งรบกวน อ่านบทความ
  4. Confidence (ความมั่นใจ) การเผชิญหน้ากับอุปสรรคหรือสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยได้โดยไม่ตื่นตระหนก
    💡 การพัฒนา สร้างความมั่นใจผ่านเกมที่ชนะได้ง่ายๆ และหมาได้รางวัลเช่น การฝึกให้แตะสิ่งของ หรือการสร้างทางเดินจากสิ่งของต่างๆ ที่มีความสูงและพื้นผิวต่างกัน
  5. Disengagement (การปล่อยวาง) – การเลือกที่จะปล่อยวางจากสิ่งเร้า เช่น เดินผ่านหมาตัวอื่นได้โดยไม่สนใจ
    💡 การพัฒนา ฝึกให้รางวัลเมื่อน้องหมาหันมามองเราเวลาเจอหมาตัวอื่น และต่อยอดเป็นการเดินมาหา ให้เข้าเรียนรู้ว่าการเดินออกจากสิ่งเร้าเป็นเรื่องนี้ อ่านบทความ
  6. Engagement (การมีส่วนร่วม) – ความต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์และมีส่วนร่วมในกิจกรรมกับเจ้าของ เช่น หยุดทำกิจกรรมอื่นและหันมาสนใจทันทีเมื่อถูกเรียกชื่อ
    💡 การพัฒนา เพิ่มคุณค่าของคุณโดยการทำให้การฝึกและการเล่นเกมน่าสนุกและคาดเดาไม่ได้ เพื่อให้น้องหมาคาดเดาไม่ได้และจดจ่อกับคุณอยู่เสมอ อ่านบทความ
  7. Flexibility (ความยืดหยุ่น) – การปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงได้ดี เช่น เปลี่ยนไปเล่นของเล่นชิ้นอื่นได้เมื่อของชิ้นโปรดหายไป
    💡 การพัฒนา เพิ่มความไม่แน่นอนเล็กๆ น้อยๆ ไปในเกมและกิจวัตรประจำวันของหมา หรือการเปลี่ยนสถานที่ฝึกเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น
  8. Focus (การจดจ่อ / สมาธิ) – การให้ความสนใจกับเจ้าของแม้มีสิ่งรบกวน เช่น การหันมามองเจ้าของเป็นระยะๆ เมื่ออยู่นอกบ้าน
    💡 การพัฒนา ฝึกให้สุนัขมีสมาธิจดจ่อกับคุณ เช่น การสอนให้ใช้จมูกแตะมือ หรือการให้รางวัลเมื่อสุนัขมองมาที่คุณ
  9. Grit (ความมุ่งมั่น / ความตั้งใจ) – ความพยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จแม้เจออุปสรรค เช่น การหาวิธีเอาของเล่นที่ติดอยู่ใต้วัตถุออกมาให้ได้
    💡 การพัฒนา ใช้ของเล่นซ่อนขนมที่ต้องใช้ความพยายาม หรือส่งเสริมให้พวกเขาฝ่าด่านที่สร้างจากกล่องกระดาษเพื่อสร้างความุ่งมั่น
  10. Independence (ความอยู่คนเดียวได้) – การอยู่ตามลำพังได้อย่างสบายใจโดยไม่เครียดหรือต้องติดตามเจ้าของไปทุกที่
    💡 การพัฒนา ฝึกการแยกตัวในบ้านโดยใช้กรงและรั้วกั้นเด็ก และสร้างความมั่นใจเมื่ออยู่ห่างจากคุณด้วยกิจกรรมที่สงบ อ่านบทความ
  11. Novelty (การเจอสิ่งใหม่) – ความสามารถในการรับมือกับวัตถุ เสียง และประสบการณ์ใหม่ๆ โดยปราศจากความกลัว
    💡 การพัฒนา จัดกิจกรรมสนุกๆ โดยการโปรยอาหารรอบๆ วัตถุใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี หรือการให้รางวัลเมื่อเจอเสียงใหม่ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงเชิงบวก
  12. Optimism (การมองโลกในแง่ดี) – การคาดหวังสิ่งที่ดีจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และฟื้นตัวได้เร็วจากสถานการณ์ที่น่าตกใจ
    💡 การพัฒนา ให้รางวัลหมาเมื่อมีหลากหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นโดยที่หมาไม่ต้องทำอะไร เช่น ให้รางวัลเมื่อคนเดินผ่าน เมื่อแมววิ่งผ่าน เมื่อเจอหมาอื่น เมื่อแมลงวันเข้าบ้าน และเหตุการณ์ใด ๆ ก็ตามที่ทำให้หมาสนใจ
  13. Proximity (ความใกล้ชิด) – การเลือกที่จะอยู่ใกล้เจ้าของโดยไม่ต้องเรียก โดยเฉพาะเมื่ออยู่นอกบ้าน
    💡 การพัฒนา ทำให้การอยู่ใกล้คุณเป็นสิ่งที่ดีโดยการให้รางวัลเมื่อสุนัขเข้ามาใกล้ และเล่นเกมที่ต้องอาศัยการอยู่ใกล้ต่าง ๆ เช่น การไล่จับกับที่เจ้าของเป็นฝ่ายหนี อ่านบทความ
  14. Self-Control (การควบคุมตนเอง) – การยับยั้งชั่งใจจากความต้องการในทันที เช่น การไม่พุ่งออกจากประตูก่อนได้รับอนุญาต
    💡 การพัฒนา ฝึกให้สุนัขรออาหารอย่างสงบ รอประตูเปิด หรือทักทายคนอย่างสุภาพ อ่านบทความ
  15. Thinking in Arousal (การคิดในภาวะตื่นตัว) – ความสามารถในการรับฟังและทำตามที่ขอได้แม้จะอยู่ในสภาวะที่ตื่นเต้นอย่างมาก
    💡 การพัฒนา สอดแทรกคำสั่งที่สงบระหว่างเกมที่น่าตื่นเต้น เช่น เล่น ๆ อยู่ก็บอกให้เขานั่งอย่างกระทันหัน อ่านบทความ
  16. Tolerance of Frustration (ความอดทน/การรับมือความหงุดหงิด) – การรับมือกับความผิดหวังเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการโดยไม่อาละวาด เช่น การปล่อยวางของเล่นที่หยิบไม่ถึง
    💡 การพัฒนา สร้างทักษะนี้อย่างช้าๆ โดยการให้รางวัลสุนัขของคุณสำหรับการรอของเล่นหรือขนมอย่างอดทนโดยไม่โวยวาย

ฝึก Concept Training เริ่มต้นยังไง ?

แทนที่เราจะต้องคอยตามแก้ปัญหาพฤติกรรมต่างๆ ของหมา ไม่ว่าจะเป็นการ เห่า แทะ ขุด ไล่ หรือกัด เราสามารถเริ่มต้นฝึกหมาด้วย Concept Training เพื่อสร้าง “มายด์เซ็ต” ที่ดีจากภายในได้ด้วยการเริ่มจากใช้การฝึกที่เคยทำมาแล้วมาเพื่อเล่นกับเขา เช่นการเล่นชักเย่อร่วมกับการฝึกปล่อยและรอ รวมถึงการฝึกสิ่งที่เคยฝึกให้บ่อยขึ้นแต่สั้นลง และฝึกด้วยอารมณ์ที่ดีเพื่อให้การฝึกเป็นเรื่องสนุกกับทั้งเราและหมา และเมื่อเริ่มได้แล้วสามารถต่อยอดได้ด้วยการ search หาเกมส์และกิจกรรมสนุก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Concept ต่าง ๆ มาใช้ โดยแหล่งที่แนะนำเช่น Youtube ของ Absolute Dogs ที่มีเกมส์แนะนำสำหรับ Concept ต่าง ๆ มากมาย

ประเมิน 16 Mindset ด้วยตนเอง

นอกจากนั้นแล้วทาง Dogology ก็ได้ออกแบบเครื่องมือสำหรับให้ผู้ปกครองได้ประเมินทั้ง 16 Mindsets ของน้องหมาได้ด้วยต้นเอง ซึ่งสามารถเข้าไปทำได้เลยฟรี ๆ ในปุ่มด้านล่างครับ