Table of Contents

เรามักจะพยายามฝึกหมาเวลาที่มีปัญหาเกิดขึ้นตรงหน้า เช่น หมากำลังกระชากสายจูง ก็เริ่มฝึกนั่ง หรือฝึก heels หรือเวลาหมากำลังตื่นเต้นก็พยายามฝึกให้เขานั่งด้วยการคอย การฝึกแบบนี้เราเรียกว่า “การฝึกในสถานการณ์” (Training IN the situation) ซึ่งมักจะไม่ได้ผล และอาจสร้างปัญหาเพิ่ม

ทำไม “การฝึกในสถานการณ์” ถึงมักไม่ได้ผล ?

แน่นอนว่าสิ่งที่เราต้องการจากการฝึกใด ๆ คือการนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ แต่การพาหมาออกไปฝึกในสถานการณ์จริงตอนที่เขาไม่พร้อมนั้นไม่ต่างจากการพยายามสอนคนที่กำลังจมน้ำให้ว่ายน้ำ มันไม่ใช่เวลาเพราะด้วยหลายเหตุผล:

  1. หมาไม่พร้อมเรียนรู้: ในสภาวะที่สุนัขกำลังตึงเครียด ตื่นเต้น หรือหวาดกลัว (เช่น เมื่อดึงสายจูงอย่างแรง หรือเมื่อเจอสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ตื่นเต้นหรือก้าวร้าวไปแล้ว) สมองของเขาจะไม่เปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เขาขาดความสงบ สมาธิ หรือสภาวะอารมณ์ที่ดีในสภาพแวดล้อมนั้น เหมือนคนกำลังจะจมน้ำที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด แน่นอนว่าเขาไม่มีสติหรือสมาธิจะมาเรียนรู้วิธีว่ายน้ำที่ถูกต้องได้
  2. เน้นแค่พฤติกรรม: การฝึกในสถานการณ์จริงนั้นมักเน้นให้หมาทำพฤติกรรมที่เราอยากให้เขาทำในหน้างาน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเป้าหมายที่ทุกคนต้องการ แต่การพยายามฝืนให้หมาทำในสภาวะที่หมาไม่พร้อมนั้นแม้สุดท้ายหมาจะทำให้ แต่ไม่ได้มีการเรียนรู้เกิดขึ้น หมายความว่าให้ทำซ้ำใหม่ก็ไม่ได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ใช่สภาวะที่หมาจะเข้าใจและเรียนรู้ได้
  3. อาจกลายเป็นการบังคับโดยไม่ตั้งใจ: แม้จะใช้รางวัล (เช่น ขนม) แต่ถ้าหมายังไม่มีทักษะหรือความพร้อมทางอารมณ์ที่จะรับมือกับสถานการณ์นั้น การให้รางวัลเพื่อให้เขา “ทนอยู่” หรือ “ทำตาม” ก็อาจไม่ต่างจากการบังคับให้เขาเผชิญสิ่งที่เขายังไม่พร้อม ซึ่งในสถานการณ์นั้นเขาอาจจะไม่ยอมกินด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้จะสร้างความขัดแย้งภายในใจสุนัข และอาจทำลายความไว้วางใจได้ด้วย
  4. สร้างความเครียดให้ทั้งคนและหมา: การพยายามควบคุมหมาในสถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นเรื่องที่ตึงเครียดมากสำหรับทั้งสองฝ่ายมักจะพาให้เราอารมณ์เสียและเผลอใช้วิธีที่รุนแรงกับหมาไปเพราะ “มันดื้อ” โดยความเป็นจริงคือหมาเรากำลังเครียด และไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไง

“การฝึกเพื่อสถานการณ์” (Training FOR the situation)

คนบางคนอาจจะเรียนว่ายน้ำในสระได้เลย แต่บางคนอาจจะต้องฝึกท่าบนบกก่อน แล้วจึงค่อยลงสระ เมื่อว่ายในสระคล่องแล้วค่อยลงทะเล และหมาเองก็เช่นกัน ก่อนที่จะเอาเขาเข้าสู่สถานการณ์จริง เราต้องเตรียมทักษะการรับมือให้กับเขาก่อน และสอนทุกอย่างที่เขาควรทำเวลาที่สถานการณ์จริงมาถึง โดยหลักการสำคัญ 3 อย่างคือ:

  • พัฒนาทักษะพื้นฐาน: วิเคราะห์ถึงทักษะที่จำเป็นในการรับมือกับสถานการณ์นั้นที่หมาเรากำลังขาดอยู่ เช่น ขาดความสงบ, ขาดการโฟกัส, ไม่ชอบอยู่ใกล้เจ้าของ หรือหวาดระแวงกับสิ่งรอบตัวอย่าง ทักษะพวกนี้คือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เขารับมือกับโลกภายนอกได้โดยไม่เตลิด ซึ่งมาก่อนพฤติกรรมใด ๆ ที่เราจะขอให้เขาทำในสถานการณ์จริง
  • ฝึกในบ้านก่อน: เริ่มต้นฝึกฝนทักษะเหล่านี้ในบ้าน เพราะเป็นสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย ปราศจากแรงกดดัน ทำให้สุนัขเรียนรู้ได้ดีและสนุกสนาน
  • ทำให้การฝึกเป็นการเล่น  หัวใจสำคัญของ “การฝึกเพื่อสถานการณ์” คือการใช้การเล่นอย่างมีกติกาโดยการใช้แทรกคำสั่งให้เป็นส่วนหนึ่งของการเล่นระหว่างคนกับหมา เช่น การเล่นชักเย่อ โดยบอกให้หมา “นั่ง” รอก่อนเล่น “เอาไป” เล่นดึงกันก่อนจะบอก “ปล่อย” และเริ่มใหม่ การเล่นแบบนี้เป็นการปรับมุมมองที่หมามองโลก และช่วยให้การรับมือกับสถานการณ์จริงจะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก

ตัวอย่าง: การเดินสายจูง

  • 🚶‍♂️ การฝึก ‘ในสถานการณ์’ : คือการพาน้องออกไปเดินนอกบ้าน แล้วเมื่อเขาเริ่มดึงสายจูง เจ้าของก็พยายามกระตุกสายจูง พูดว่า “ไม่!” หรือพยายามเอาขนมมาล่อ ในขณะที่สุนัขกำลังสนใจสิ่งเร้าภายนอกและดึงสุดแรง หรือพยายามดึงให้สุนัขสงบเมื่อเจอสุนัขตัวอื่นบนถนน ผลลัพธ์คือสุนัขอาจหยุดดึงหรือสงบลงชั่วคราว แต่ไม่นานก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม เพราะต้นเหตุของปัญหา (ความตื่นเต้น, การไม่รู้จักควบคุมตัวเอง, การให้ค่าสิ่งแวดล้อมมากกว่าเจ้าของ หรือความกังวลต่อสุนัขอื่น) ยังไม่ถูกแก้ไข ทำให้ทั้งคนทั้งหมาต่างก็เครียด
  • 🏡 การฝึก ‘เพื่อสถานการณ์’ : คือการสร้างทักษะที่จำเป็น ก่อน ที่จะไปเผชิญสถานการณ์จริงในการเดินนอกบ้าน เช่น:
    • เริ่มฝึกจากในบ้านหรือบริเวณที่ไม่มีสิ่งรบกวน:
      • ฝึกกิจกรรมที่สร้างสมาธิและความสนใจในตัวเจ้าของ (เช่น ฝึกมองหน้า , ฝึกเรียกชื่อแล้วให้รางวัล)
      • เล่นกิจกรรมที่ให้รางวัลกับการที่สุนัขเลือกที่จะอยู่ใกล้หรือหันมาสนใจเจ้าของ
      • ฝึกการเดินใกล้ ๆ โดยไม่ต้องใช้สายจูงให้รางวัลทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้เรา
      • สร้างความรู้สึกที่ดีกับปลอกคอและสายจูง ทำให้การสวมใส่เป็นเรื่องปกติ
      • สอนพฤติกรรมที่ช่วยเรื่องความสงบและการควบคุมตนเอง (เช่น การรอ, การนั่งนิ่งๆ)
      • หากมีปัญหาเรื่องปฏิกิริยาต่อสุนัขอื่น ก็อาจเริ่มจากการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อการเห็นสุนัขอื่นในระยะไกลมากๆ ที่สุนัขยังรู้สึกปลอดภัย
  • ค่อยๆ เพิ่มสิ่งรบกวน: เมื่อทักษะพื้นฐานแข็งแรงดีแล้วในที่เงียบๆ ค่อยๆ เพิ่มระดับสิ่งรบกวนทีละน้อย เช่น ลองเดินในซอยที่เงียบกว่าก่อนไปถนนใหญ่
  • สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ หมาจะ เลือก ที่จะเดินดีๆ ข้างเจ้าของ หรือมีปฏิกิริยาต่อสิ่งรอบตัวอย่างเหมาะสมขึ้น เพราะได้เรียนรู้ทักษะ มีสมาธิ เห็นคุณค่าในการเดินร่วมกับเจ้าของ และมีทัศนคติที่ดีขึ้น ไม่ใช่เพราะถูกบังคับในสถานการณ์นั้นๆ

ตั้งคำถามใหม่เพื่อให้การฝึกได้ผลจริง

  • แทนที่จะถามว่า: “ทำยังไงให้หมาหยุดพฤติกรรม X ในสถานการณ์นี้?”
  • ให้เปลี่ยนไปถามว่า: “ทำยังไงให้หมา อยากจะเลือก พฤติกรรมที่ดี และ สามารถรับมือได้ เมื่อต้องเจอสถานการณ์นี้?”

สำหรับใครที่วิธีด้วยวิธีฝึกแบบเดิมๆ แล้วไม่ได้ผล อย่าเพิ่งโทษตัวเองหรือมองว่าหมาเราดื้อ แต่ควรลองตั้งคำถามกับวิธีการที่ใช้อยู่ ว่าเรากำลังฝึกหมาในสถานการณ์จริงตอนที่เขาไม่พร้อมอยู่หรือไม่ และลองฝึกเพื่อเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์จริงด้วยการฝึก และเล่นด้วยกันในบ้าน เพื่อให้สุดท้ายเราสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับหมาเราได้อย่างแท้จริง