Table of Contents

ปัญหาหนึ่งของการฝึกหมาที่พ่อแม่หมาส่วนใหญ่น่าจะนึกภาพออกคือการที่หมายอมทำให้ทุกอย่างในบ้านแต่พังสนิทนอกบ้าน นอกเหนือจากปัจจัยด้านสิ่งรบกวนแล้ว ปัญหานี้มักเกิดจากการพยายามฝึกในรูปแบบที่เน้นพฤติกรรมตามคำสั่ง มากกว่าการฝึกการตัดสินใจ ซึ่งจริง ๆ แล้วเราทำได้ผ่านการโฟกัสไปยังการฝึกสมองและวิธีการคิดของเขาโดยตรง แทนการสอนแค่พฤติกรรมตามคำสั่งผิวเผิน ซึ่งวิธีการฝึกสมองนั้นเราจะใช้เกมเป็นหลัก นั่นทำให้นอกจากจะมีประสิทธิภาพกว่าฝึกพฤติกรรมแล้ว ยังสนุกกว่าด้วย

Mindset Training ฝึก “แนวคิด” ไม่ใช่”คำสั่ง”

การฝึกพฤติกรรมภายนอก (External Behaviors)

ความแตกต่างพื้นฐานระหว่างการฝึกแบบดั้งเดิมและ อยู่ที่เป้าหมายของการฝึก วิธีการแบบดั้งเดิมมุ่งเน้นไปที่การสร้าง พฤติกรรมภายนอก (External Behaviors) ซึ่งเป็นท่าทางที่สังเกตได้ชัดเจน เช่น “นั่ง”, “หมอบ”, หรือ “คอย” แม้จะมีประโยชน์ แต่พฤติกรรมเหล่านี้มักจะยึดติดอยู่กับบริบทที่ถูกสอนมา และมักจะล้มเหลวเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันหรือในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ 

การฝึกกระบวนการตัดสินใจจากภายใน (Internal State)

การฝึกในรูปแบบของ Mindset Training คือการฝึกวิธีการคิดที่หมาสามารถนำไปปรับใช้ได้ทุกที่ แทนที่จะฝึกแค่ท่า “นั่ง” การฝึกแบบนี้จะสร้าง “แนวคิด” หลักที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตของหมาให้เขาได้มีติดตัวไป เช่น:

  • ความสงบ (Calmness): ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และความตื่นเต้นของตัวเอง ซึ่งเป็นรากฐานของสุนัขที่มีพฤติกรรมดีส่วนใหญ่ 
  • การมองโลกในแง่ดี (Optimism): ความสามารถของหมาที่จะมองสถานการณ์ใหม่ๆ หรือเหตุการณ์ที่ไม่คุ้นเคยว่าเป็นเรื่องที่ดี แทนที่จะเป็นเรื่องน่ากังวล 
  • การอยากอยู่ใกล้เจ้าของ (Proximity): ความต้องการโดยธรรมชาติของหมาที่อยากจะอยู่ใกล้ชิดกับเรา ทำให้เจ้าของกลายเป็นเหมือนศูนย์กลางจักรวาลของเขา 

การเน้นฝึกแนวคิดเหล่านี้ จะช่วยสร้างหมาที่ตัดสินใจที่ดีได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งที่อาจจะไม่ทำอยู่ดี ซึ่งเป็นความแตกต่างแบบเดียวกับการบอกเด็กว่า “ขอบคุณเขาสิลูก” กับการปลูกฝัง “ความรู้สึกขอบคุณ” จากใจจริงที่เด็กสามารถนำไปใช้ได้ในทุกสถานการณ์ และรู้สึกได้เองว่าอยากขอบคุณคนอื่นเมื่อได้รับสิ่งดี ๆ


วิทยาศาสตร์แห่งการตัดสินใจ: ทำไม Mindset Training ถึงได้ผล

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะมีคำถามว่าสอนแบบนี้มันทำได้ด้วยเหรอ นี่หมานะไม่ใช่คน โดยแม้จะเป็นเรื่องที่ฟังดูใหม่ แต่การฝึก Mindset ด้วยเกมนั้นเป็นวิธีการฝึกที่ตรงตามหลักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันในด้านกระบวนการความคิดของหมาที่สุด ว่าหมานั้นไม่ได้แค่เรียนรู้ตามเงื่อนไขรางวัล-ลงโทษเท่านั้น แต่มีความสามารถที่คิดและตัดสินใจได้องด้วยโดยอาศัยหลักการสำคัญคือ ความยืดหยุ่นของสมอง (Neuroplasticity) และการตัดสินใจ

Neuroplasticity (ความยืดหยุ่นของสมอง) สมองไม่ได้ถูกกำหนดมาตายตัว แต่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างและเดินระบบสายไฟใหม่ได้ตามประสบการณ์ที่ได้รับ ทุกครั้งที่เราเล่นเกมฝึกสมองกับหมา เรากำลังเสริมสร้างเส้นทางประสาทที่ต้องการให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเป็นการ “ปั้นสมอง” ของหมาอย่างเพื่อให้การตัดสินใจในรูปแบบที่เราต้องการกลายเป็นทางเลือกที่ง่ายและเป็นอัตโนมัติ 

นิสัยที่เกิดจากคำสั่ง (Cue-based Habit) และ นิสัยที่เกิดจากการเลือก (Choice-based Habit)

การสร้างนิสัยผ่านการทำซ้ำ ๆ สำหรับหมานั้นสามารถเกิดได้จากทั้งการฝึกคำสั่งซ้ำ ๆ ซึ่งมีสัญญาณภายนอก อย่างคำสั่งมาเป็นตัวกระตุ้นให้ทำ และการฝึกตัดสินใจซ้ำ ๆ ที่มีเป้าหมายมาเป็นตัวกระตุ้นให้ทำ

การนิสัยที่เกิดจากคำสั่งนั้นมีความ ยึดติดกับบริบท (Context-Dependent) สูงมาก บริบทในที่นี้หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวขณะเรียนรู้ เช่น สถานที่ (ในบ้าน), บุคคลที่สั่ง (เจ้าของ), ท่าทางของคนสั่ง, หรือแม้กระทั่งช่วงเวลาของวัน บริบทเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “สิ่งเร้า” ที่ซับซ้อนซึ่งกระตุ้นพฤติกรรม

นี่คือสาเหตุที่เจ้าของสุนัขจำนวนมากพบว่า “หมาทำตามคำสั่งได้ดีมากที่บ้าน แต่ออกนอกบ้านแล้วพัง”เพราะบริบทมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นอกบ้านที่มีสิ่งรบกวนมากมาย (คน, สุนัขตัวอื่น, กลิ่น, เสียง) ทำให้คำสั่ง “นั่ง” ที่เคยได้ผลในบริบทที่เงียบสงบของบ้าน ไม่แข็งแรงพอที่จะกระตุ้นการตอบสนองอัตโนมัติได้เหมือนเดิม ความสับสนนี้ทำให้หมาไม่สามารถทำตามนิสัยได้ และต้องกลับไปใช้ความคิดเพื่อประเมินสถานการณ์ใหม่ทั้งหมด และเมื่อเขาคิดแล้วก็มักจะพบว่าเราไม่น่าสนใจเท่าอย่างอื่น

ในด้านตรงข้าม หมาที่ได้รับการฝึก Mindset Training ที่เน้นการตัดสินใจนั้น นิสัยของเขาไม่ได้เกิดจากความเชื่อมโยงที่ตายตัวระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง แต่เกิดจากเชื่อมโยงกับเป้าหมายเป็นหลักผ่านความเข้าใจใน ความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำกับผลลัพธ์ จึงทำให้นิสัยนี้สามารถปรับเปลี่ยนไปยังสถานการณ์ใหม่ๆ ได้ดีกว่า

การฝึก Mindset Training ในภาคปฏิบัติ

Mindset Training ใช้เกมที่สั้น สนุก และมีประสิทธิภาพในการสร้างทักษะชีวิตที่จำเป็นเหล่านี้ ตัวอย่างที่เห็นภาพได้ชัดเจนที่สุดคือแนวทางการฝึกให้สุนัขวิ่งกลับมาหาเมื่อถูกเรียก

แนวทางดั้งเดิม: คือการสอนให้หมาตอบสนองต่อคำสั่ง “มานี่!” ซึ่งมักจะล้มเหลวในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวาย เพราะคำสั่งนี้ต้องแข่งขันกับสิ่งเร้าที่มีมูลค่าสูงกว่าเรา

แนวทางแบบ Mindset Training: เกม “Orientation” เกมที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังนี้ไม่ได้ใช้คำสั่งเสียงเลยแม้แต่น้อย วิธีการเล่นคือ:

  1. เจ้าของ “โยน” อาหารชิ้นเล็กๆ ออกไปห่างจากตัว เพื่อกระตุ้นให้สุนัขเคลื่อนที่ออกไปกิน
  2. หลังจากหมากินอาหารแล้ว เจ้าของจะยืนรออย่างสงบ
  3. ในจังหวะที่เขา เลือก ที่จะหันกลับมามองหาให้พูดว่า “Yes!” ทันที พร้อมกับส่งเสียงเชียร์ แล้วโยนอาหารอีกชิ้นไปในทิศทางตรงกันข้ามเพื่อเป็นรางวัล 

เกมนี้ไม่ได้สอน “คำสั่ง” แต่กำลังสร้าง Mindset ด้านการอยากอยู่ใกล้เจ้าของ หมาเรียนรู้ว่าการกลับมามีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของคือสิ่งที่สนุกและคุ้มค่าที่สุด การเรียกกลับที่รวดเร็วจึงกลายเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างสนุกสนาน


บททดสอบในโลกจริง

เป้าหมายสูงสุดของการฝึกคือการนำไปใช้ได้จริงในทุกๆ สถานการณ์ (Generalization) หรือความสามารถของสุนัขที่จะทำพฤติกรรมได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม นี่คือจุดที่ Mindset Training โดดเด่นกว่าวิธีอื่นอย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นการฝึก เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ ไม่ใช่ฝึกในสถานการณ์จริง

ในสถาพแวดล้อมที่วุ่นวายหมาที่ฝึกพฤติกรรมอย่างเดียวจะชั่งน้ำหนักระหว่างการกลับมาหาเจ้าของ กับสิ่งอื่น ๆ แต่สำหรับหมาที่ฝึกแบบ Mindset Training สภาพแวดล้อมที่น่าตื่นเต้นจะทำหน้าที่เป็น ตัวกระตุ้น นิสัยการตัดสินใจในแบบที่เราฝึกมา นั่นคือการกลับมาหาเจ้าของไว้ก่อน ในจุดนี้หมาไม่ได้มองว่าเจ้าของน่าสนใจกว่าสิ่งเร้าหรือไม่ แต่มองว่าเจ้าของคือ “จุดยึดเหนี่ยว” (Anchor Point) ท่ามกลางสิ่งรบกวน การฝึกแบบนี้จึงมักจะนำไปใช้ในโลกจริงได้กว่าเพราะเกิดจากการคิดตัดสินใจของหมาจากภายใน ไม่ใช่กฎจากภายนอก ทำให้เขาพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ง่าย