ทำไมเสียง “กรอบแกรบ” เบา ๆ ก็ทำให้หมาที่หลับอยู่ตาสว่างได้ พร้อมกับพุ่งตรงเข้ามาทั้งที่เพิ่งกินข้าวอิ่มไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
ทำไมเบาะแสจาง ๆ ของของอาหารถึงทำให้หมาตอบสนองได้รุนแรงขนาดนี้ ? คำตอบไม่ได้อยู่แค่เรื่องความหิว แต่เป็นวิวัฒนาการและระบบสมองที่เลือกให้อาหารเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตมาเป็นหมื่น ๆ ปี วันนี้มาดูกันครับว่านอกเหนือจากความอิ่มท้องและร่างกายแล้ว อาหารมีบทบาทกับหมาเราขนาดไหน ?
ทำไมอาหารถึงสำคัญกับหมานัก ?
หากย้อนกลับไปยังบรรพบุรุษอย่างหมาป่าพวกเขาไม่มีใครมาเทอาหารลงชามให้วันละสองมื้อ ความอยู่รอดของพวกเขาขึ้นกับการล่า ซึ่งมักจะมีผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน วันหนึ่งอาจได้กินเนื้อทั้งตัว วันถัดไปอาจต้องอดไป 2–3 วัน ความไม่แน่นอนนี้ทำให้หมาป่ามีสัญชาติญาณที่ต้องกินเมื่อมีให้กินเพราะไม่รู้ครั้งถัดไปจะมีอาหารมาเมื่อไหร่
เมื่อหมาป่าเริ่มใกล้ชิดมนุษย์ การเก็บเศษอาหารรอบชุมชนมนุษย์ก็กลายเป็นเส้นทางของการกลายเป็นหมาที่เรารู้จักในวันนี้ แต่สิ่งที่ไม่เคยหายไปจากพวกเขาคือความหมกหมุ่นกับอาหาร เพราะตามธรรมชาติแล้วหมาและหมาป่านั้นต้องใช้เวลาประมาณ 80% ของเวลาที่ตื่นเพื่อหาอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่มนุษย์ปัจจุบันอาจลืมไปแล้วว่าการหาอาหารตามธรรมชาตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เมื่อสัญชาติญาณการหาอาหารต้องมาอยู่บนโลกที่มนุษย์สร้าง
สำหรับหมาแล้วอาหารไม่ใช่แค่สารอาหารที่เข้าสู่ร่างกาย แต่เป็นประสบการณ์หลายมิติที่เต็มไปด้วยการกระตุ้นทางสมองและอารมณ์
งานวิจัยด้านประสาทวิทยา (neuroscience) ชี้ว่าระดับ dopamine ที่พูดง่าย ๆ ว่าสารความสุขในสมองสุนัขพุ่งสูงขึ้นไม่ใช่แค่ตอนที่พวกเขากำลังกิน แต่ยังรวมถึงตอนที่ “คาดหวัง” เช่น การได้ยินเสียงเปิดถุงขนม สมองก็ปล่อย dopamine คล้าย ๆ กับตอนที่อาหารอยู่ในปากแล้ว ระบบนี้เรียกว่า seeking system ซึ่งทำให้การค้นหาอาหาร และการรอคอยอาหารมีความสุขพอ ๆ กับการได้ทานอาหาร
นั่นหมายถึงว่าโดยสัญชาติญาณแล้วหมานั้นไม่ได้ต้องการแค่อาหารในชาม แต่เขาต้องการที่จะได้ทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการหาอาหารด้วย เช่น การได้ดม การได้ค้นหา การได้ขุดหรือเลียหาของกิน สิ่งเหล่านี้ตอบสนองต่อธรรมชาติเดิมที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ ซึ่งใช้เวลาแทบจะทั้งหมดของชีวิตเพื่อหาอาหาร ซึ่งสุนัขที่บ้านจะไม่มีโอกาสได้รับประสบการณ์นี้จากการกินจากชาม
เมื่อสัญชาติญาณบอกซ้ำ ๆ ให้หาอาหาร แต่ร่างกายอิ่มไปแล้วตั้งแต่หัววัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 1. หมาที่เบื่อเพราะไม่มีอะไรทำ และหากิจกรรมอื่นทำเพื่อแก้เบื่อ (มักเป็นพฤติกรรมที่เราไม่ชอบ เช่น เห่าเล่น หรือ ทำลายข้าวของ) และ 2. หมาที่ไม่ยอมกินอาหารเพราะอยากจะหาเองมากกว่า
และถ้าเราอยากจะเติมเต็มให้ชีวิตเขากลับมามีสีสันมากกว่านี้ เราสามารถคืนประสบการณ์เหล่านี้ให้พวกเขาผ่าน ของเล่นที่ใส่อาหารได้ต่าง ๆ เช่น snuffle mats, puzzle feeders หรือ treat dispensor หรือแม้แต่การซ่อนขนมไว้ในบ้านแล้วให้เขาออกค้นหา อ่านเพิ่มเติม
นอกจากนั้นแล้วด้วยเหตุผลเดียวกันนี้แหละครับ ที่ทำให้การฝึกโดยใช้รางวัลนั้นเป็นกิจกรรมที่เพอร์เฟ็คมาก ๆ กับหมา เพราะมันตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานของหมาที่ต้องการมีประสบการณ์ในการได้มาซึ่งอาหาร พร้อมเป็นกิจกรรมได้ใช้เวลาร่วมกับเจ้าของ นั่นทำให้โดยเนื้อแท้แล้วการฝึกที่ถูกต้องจะเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะมีร่วมกับหมาได้เลย
การฝึกหมานั้นให้อะไรกับเขาบ้าง ?
พฤติกรรมที่ตามด้วยสิ่งที่ชอบมีแนวโน้มจะเกิดซ้ำเป็นเรื่องที่เรารู้กัน แต่ยิ่งไปกว่านั้นการฝึกยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรากับเขา เพราะทุกครั้งที่เรายื่นอาหารให้เขาเวลาเขาทำสิ่งที่เราอยากให้ทำ หมาไม่ได้รับแค่รางวัลทางกายภาพ แต่ในทางอารมณ์เขายังได้รับการยืนยันด้วยว่า “มนุษย์คนนี้คือที่มาของสิ่งดี ๆ”
นอกจากนั้นพลังของการใช้อาหารในการฝึกคือการเปลี่ยนจากกิจกรรมธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ เช่น เวลาที่เดินด้วยกัน ถ้าเราให้รางวัลกับการที่หมาเข้ามาเดินใกล้ หรือมองมาที่เรา จากการจูงเดินธรรมดา (ที่อาจจะตีงเครียดด้วยซ้ำ) ก็จะกลายเป็นการเดินไปด้วยกัน
เพราะสำหรับหมาแล้วอาหารไม่ใช่แค่สิ่งที่ทำให้อิ่ม แต่เป็นประสบการณ์ที่เป็นส่วนสำคัญของความคิดและธรรมชาติของเขา ทุกครั้งที่เราฝึกสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับเขาจึงไม่ใช่แค่การทำงานแลกขนมที่ให้เขาทั้งทักษะ ความสบายใจ ความสัมพันธ์ที่ดี และเป็นใช้ช่วงเวลาดี ๆ ที่เราใช้ร่วมกับเขา