ถึงจะมีขึ้นมีลงบ้าง แต่ทุกคนที่มีหมาน่าจะรู้ว่าชีวิตที่มีหมามันดีแบบที่ไม่สามารถนึกภาพชีวิตที่ไม่มีหมาได้เลย แต่นอกจากสิ่งที่เรารับรู้ได้แล้ว ยังมีงานวิจัยมากมายที่ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าการมีหมานั้น นอกจากจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นแล้ว ยังทำให้เราเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้นด้วย
วันนี้ผมรวบรวม 4 ด้านที่หมาทำให้ชีวิตเราดีขึ้น และเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้นครับ คือ 1. ด้านสุขภาพกาย 2. ด้านสุขภาพจิต 3. ด้านสังคม 4. ด้านลักษณะนิสัย
1. ด้านสุขภาพกาย: มีหมาเหมือนมีเทรนเนอร์ (ที่รุงรังมาก ๆ)
การมีหมาทำให้เราต้องเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน กิจวัตพื้นฐานของการมีหมา เช่น การเล่นกับหมา หรือการเดินเล่น ที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ วันกลายเป็นประโยชน์มหาศาลต่อสุขภาพของเราโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุที่ถ้าใครเคยพาหมาไปเจอ ปู่-ย่า-ตา-ยาย จะรู้ว่าหลายคนเล่นกับหมาจนลืมอายุตัวเองไปเลย
และนอกจากนั้นวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าผลกระทบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการเผาผลาญแคลอรี แต่ยังส่งผลลึกไปถึงระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของร่างกายที่แข็งแรง
- กระตุ้นการออกกำลังกาย: การเล่น หรือการพาสุนัขไปเดินเล่นกลายเป็นกิจวัตรที่เพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายโดยอัตโนมัติ งานวิจัย Meta-analysis หลายชิ้นพบว่า เจ้าของสุนัขมีแนวโน้มที่จะเดินและทำกิจกรรมทางกายมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ
- สุขภาพหัวใจและหลอดเลือดที่ดีขึ้น: นี่คือข้อค้นพบที่น่าสนใจมากที่สุด สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา (American Heart Association) ได้เผยแพร่งานวิจัยชิ้นใหญ่ที่บอกว่า การเป็นเจ้าของสุนัขสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ป่วยที่เคยมีภาวะหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง การมีสุนัขช่วยลดความดันโลหิต ปรับปรุงระดับคอเลสเตอรอล และช่วยให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดฟื้นตัวได้ดีขึ้น
2. ด้านสุขภาพจิต: ไม่ใช่ยาวิเศษ แต่เป็นการลงทุน
โลกยุคปัจจุบันมีความกดดัน ความเครียด และความโดดเดี่ยว เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การมีเพื่อนที่ไม่ตัดสิน (?) อยู่ด้วยเลยเป็นหนึ่งในสิ่งล้ำค่ามาก ๆ สุนัขมอบการเยียวยาทางจิตใจในรูปแบบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง การมีอยู่ของพวกเขาสามารถบรรเทาความวุ่นวายในใจ และกระตุ้นกลไกทางชีวภาพที่ช่วยให้เรารู้สึกสงบและผูกพันได้อย่างน่าอัศจรรย์ และยังมีของขวัญที่สำคัญที่สุดที่หมาให้กับมนุษย์ในด้านของสุขภาพจิตคือ “ความรับผิดชอบ”
แม้จะมีข้อดีมากมายแต่ความเครียดที่เกิดจากการเลี้ยงหมาก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตได้มากเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงหมาวัยเด็กที่ปรากฏการณ์ซึมเศร้าจากลูกหมา (Puppy blue) เป็นเรื่องที่พบบ่อยมากกับคนที่เลี้ยงหมาโดยไม่พร้อม เรียกได้ว่าการเลี้ยงหมาเป็นเรื่องที่ ต้องลงทุนด้วยสุขภาพจิต แต่สุดท้ายจะได้สุขภาพจิตที่ดีกว่าเดิมคืนมา
- กลไกทางชีวภาพและฮอร์โมนแห่งความผูกพัน: ทุกครั้งที่เราสบตา หรือสัมผัสหมา ร่างกายของเราและสุนัขจะหลั่งฮอร์โมน ออกซิโทซิน (Oxytocin) หรือที่เรียกว่า “ฮอร์โมนแห่งความรัก” ซึ่งเป็นฮอร์โมนตัวเดียวกับที่หลั่งออกมาในสัมผัสระหว่างแม่และลูก ออกซิโทซินช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) สร้างความรู้สึกสงบไว้วางใจ และกระชับความผูกพันระหว่างเรากับสุนัขให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
- เพื่อนที่ให้ความรักโดยไม่มีเงื่อนไข: หมามอมความสัมพันธ์และความรักที่ไม่มีการตัดสิน หมาดีใจเสมอที่เห็นเรากลับบ้าน การมีอยู่ของหมานั้นทำให้หลายคนไม่ได้เหงาอีกเลย
- สร้างวินัยและเป้าหมายในชีวิต: สุขภาพจิตที่ดีอย่างยั่งยืนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ได้มาด้วยความสะดวกด้วยการใช้หมาเป็นยาวิเศษ แต่ การต้องดูแลหมา นั่นแหละคือสิ่งที่ดีต่อสุขภาพจิตที่สุดที่หมาส่งผลกับเรา
การมีหมาแล้วต้องรับผิดชอบชีวิตหนึ่ง ทำให้เราต้องมีความรับผิดชอบที่ชัดเจน เช่น การให้อาหาร การพาไปเดินเล่น การดูแลความสะอาด และเห็นผลลัพท์ออกมาเป็นความสุขของหมา งานเหล่านี้ช่วยสร้างวินัยและมอบ “เป้าหมาย” เล็กๆ ในแต่ละวัน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าหรือความรู้สึกไม่มีคุณค่า - สุขภาพจิตที่ต้องลงทุน: หลากหลายงานวิจัยก็ชี้ให้เห็นว่าการเลี้ยงสุนัขไม่ใช่เรื่องสวยงามเสมอไป ภาระค่าใช้จ่าย ปัญหาพฤติกรรมที่รุมเร้า ความกังวลเมื่อเขาเจ็บป่วย หรือความโศกเศร้าระดับที่รุนแรงที่สุดเวลาที่พวกเขาจากไป ก็เป็นอีกด้านหนึ่งของความเป็นจริงที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตได้เช่นกัน
3. ด้านสังคม: หมาช่วยเราหาเพื่อน
นอกจากการเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในบ้านแล้ว สุนัขยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นทูตฯ ที่ช่วยเชื่อมเราเข้ากับโลกรอบตัว หมาทำลายกำแพงความเขินอายและเปิดประตูสู่การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนใหม่ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ปรากฏการณ์นี้ได้รับการยอมรับในทางวิทยาศาสตร์ว่าสุนัขสามารถเป็นตัวเร่งที่ทำให้เกิดบทสนทนาและสร้างมิตรภาพได้ดีสุด ๆ
- ตัวกำแพง (Icebreaker): หมาทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเริ่มต้นบทสนทนาระหว่างเรากับคนแปลกหน้า ทำให้คนแปลกหน้ารู้สึกสบายใจที่จะเข้ามาพูดคุยด้วยมากขึ้น งานวิจัยพบว่าคนที่มีหมามักถูกมองว่าเป็นมิตรและเข้าถึงง่าย
- ขยายวงสังคม: หมาจะพาเราไปเจอเพื่อนตามสวน พาเราเข้าคลับหมาต่าง ๆ หรือแม้แต่หมาที่มีปัญหาก็จะพาเราไปเจอคนที่หมามีปัญหาแบบเดียวกัน ไม่ว่ายังไงหมาก็จะช่วยให้เราได้พบปะผู้คนใหม่ๆ ที่มีความสนใจคล้ายกัน สร้างเครือข่ายทางสังคมที่แข็งแรงขึ้น และลดความรู้สึกโดดเดี่ยว
4. ด้านลักษณะนิสัย: หมาช่วยให้เราเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้น
การดูแลชีวิตหนึ่งที่ต้องพึ่งพาเราในทุกด้าน คือบทเรียนภาคปฏิบัติที่เรียบง่ายที่สุดในการเรียนรู้ที่จะรักและใส่ใจผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่อเป็นสิ่งมีชีวิตต่างสปีชี่ส์ มันปลูกฝังคุณธรรมพื้นฐานของการเป็นมนุษย์ เช่น ความเห็นอกเห็นใจและความรับผิดชอบ ซึ่งจะติดตัวเราไปตลอดชีวิต
- การเรียนรู้ที่จะเห็นอกเห็นใจ (Empathy): หมาไม่สามารถพูดบอกความต้องการของตัวเองได้ บังคับให้เจ้าของจึงต้องเรียนรู้ที่จะสังเกตภาษากาย แววตา และพฤติกรรมของเขา เพื่อจะเข้าใจว่าเขากำลังหิว เจ็บปวด หรือมีความสุข กระบวนการนี้คือการฝึกฝน “ความเห็นอกเห็นใจ” ระดับสูงไปในตัว งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าเด็กที่เติบโตมากับสัตว์เลี้ยงมักจะมีระดับความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นสูงกว่า
- ปลูกฝังความรับผิดชอบ: การดูแลหนึ่งชีวิตที่ต้องพึ่งพาเราในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่เรื่องอาหารการกินไปจนถึงการเจ็บป่วย เป็นการปลูกฝังความรับผิดชอบอย่างเป็นรูปธรรม การต้องตื่นเช้ามาพาไปฉี่แม้ในวันที่เหนื่อยแบบไม่ไหวแล้ว หรือการพาไปหาสัตวแพทย์ในยามป่วย ทำงานเป็นบทเรียนที่สอนให้เราเห็นคุณค่าของการเป็นผู้ให้และผู้ดูแล
- ส่งเสริมพฤติกรรมเพื่อสังคม (Prosocial Behavior): นอกจากเมื่อความเห็นอกเห็นใจและความรับผิดชอบ งานวิจัยยังพบว่าการมีหมามันจะส่งผลต่อไปยังปฏิสัมพันธ์ที่เรามีต่อเพื่อนมนุษย์ เราจะกลายเป็นคนที่อ่อนโยน ใส่ใจความรู้สึกของคนรอบข้าง และพร้อมที่จะช่วยเหลือคนอื่นในสังคมด้วย
หมาไม่ใช่ยาวิเศษแต่เป็นโอกาสให้เราเติบโต
แม้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จะชัดเจน แต่ก็ต้องยอมรับว่าประโยชน์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติจากการแค่มีหมาอยู่ในบ้านแต่กุญแจสำคัญอยู่ที่ “คุณภาพของความสัมพันธ์” ที่เราสร้างขึ้นกับเขา
การเลี้ยงหมาไม่ใช่ยาวิเศษที่จะเปลี่ยนทุกคนให้ดีขึ้นในทันที แต่เป็นการมอบ “โอกาส” ให้เราได้เรียนรู้และเติบโตผ่านการให้ความรัก การดูแล และความรับผิดชอบ พวกเขาสอนบทเรียนเงียบๆ ให้เราในทุกวัน
ท้ายที่สุดแล้ว การเปิดบ้านและหัวใจให้กับหมาไม่ใช่แค่การที่เรามอบชีวิตที่ดีให้กับเขา แต่เป็นการที่เรามอบโอกาสให้ตัวเองได้กลายเป็นมนุษย์ที่มีสุขภาพแข็งแรงขึ้น มีจิตใจที่อ่อนโยนขึ้น มีสังคมที่ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุด คือเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้นด้วย
References:
Brooks, H. L., Rushton, K., Lovell, K., Bee, P., Walker, L., Grant, L., & Rogers, A. (2018). The power of support from companion animals for people living with mental health problems: A systematic review and narrative synthesis of the evidence. BMC Psychiatry, 18(1), Article 31.
Kramer, C. K., Mehmood, S., & Suen, R. S. (2019). Dog ownership and survival: A systematic review and meta-analysis. Circulation: Cardiovascular Quality and Outcomes, 12(10), e005554.
McNicholas, J., & Collis, G. M. (2000). Dogs as catalysts for social interactions: Robustness of the effect. British Journal of Psychology, 91(1), 61–70.
Nagasawa, M., Kikusui, T., Onaka, T., & Ohta, M. (2009). Dog’s gaze at its owner increases owner’s urinary oxytocin during social interaction. Hormones and Behavior, 55(3), 434–441.
Paul, E. S. (1995). The personality of the dog owner: A study of the congruence of owner-pet personality. L’Année psychologique, 95(4), 653-675. While older, this is a foundational study often cited in discussions of empathy and pet ownership. A more recent and accessible study on the empathy link is:
Vidović, V. V., Štetić, V. V., & Bratko, D. (1999). Pet ownership, type of pet and socio-emotional development of school children. Anthrozoös, 12(4), 211-217.
Rodriguez, K. E., Herzog, H., & Gee, N. R. (2021). Variability in human-animal interaction research. Frontiers in Veterinary Science, 7, Article 619600.
Westgarth, C., Christley, R. M., Jewell, C., German, A. J., Boddy, L. M., & Christian, H. E. (2019). Dog owners are more likely to meet physical activity guidelines than people without a dog: An investigation of the association between dog ownership and physical activity levels in a UK community. Scientific Reports, 9(1), Article 5704.