ในฐานะเจ้าของเราค่อนข้างแน่ใจว่าเรารักหมาเราแน่ ๆ แต่อีกด้านนึงเราเคยสงสัยกันไหมครับว่าหมาเรานั้นรักเราจริง หรือแค่อยู่กันด้วยผลประโยชน์ และจริง ๆ แล้ว ความรักของหมานั้นคืออะไรกันแน่ ?
คำถามนี้เหมือนนักวิจัยหลายคนสงสัยเหมือนกัน และทำให้มีงานวิจัยที่พยายามทำความเข้าใจความรักของหมาออกมามากมาย ดังนั้นในโอกาสนี้ผมเลยคิดว่าน่าสนุกดีที่จะมาแชร์ให้ทุกท่านอ่านกัน

งานวิจัยที่ 1 พบว่าหมาชอบเข้าหามนุษย์โดยสัญชาตญาณ
Hannah Salomons และคณะ ทำการทดลองเพื่อเปรียบเทียบระหว่างว่ากลุ่มไหนจะเข้าหามนุษย์มากกว่า
- ลูกหมาป่า (Wolf puppy) ที่ถูกเลี้ยงโดยมนุษย์
- ลูกหมา (Dog puppy) ที่ไม่เคยเจอมนุษย์
การเปรียบเทียบนี้เพื่อตอบคำถามว่าการเข้าหามนุษย์นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณ หรือเกิดขึ้นจากการเลี้ยงดู
ผลปรากฏว่าสำหรับกลุ่มของลูกหมาในการทดลองนี้ที่ไม่เคยเจอมนุษย์เลย เมื่อเจอมนุษย์เป็นครั้งแรกกลับกล้าเข้าหามนุษย์มากกว่า และกล้าสบตามนุษย์มากกว่าลูกหมาป่าที่ถูกเลี้ยงโดยมนุษย์
นั่นทำให้เราสามารถสรุปได้ในระดับหนึ่งว่า หมาเป็นสัตว์ที่คุ้นเคยกับมนุษย์โดยสัญชาตญาณ
งานวิจัยที่ 2 พบว่าหมามีการวิวัฒนาการมาอ้อนมนุษย์
อีกงานวิจัยโดย Juliane Kaminski และคณะ เป็นการด้านศึกษาวิวัฒนาการของสุนัข โดยทีมนักวิจัยศึกษาโครงสร้างซากของหมาและหมาป่าในยุคตั้งแต่มนุษย์เริ่มต้นเลี้ยงหมาเมื่อประมาณ 33,000 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างด้านวิวัฒนาการ
จากการศึกษาเรื่องน่าสนใจอย่างนึงคือเขาพบว่าหมาในยุคปัจจุบันมีกล้ามเนื้อชิ้นหนึ่งที่หมายุคแรกไม่มีซึ่งกล้ามเนื้อชิ้นนั้นคือ กล้ามเนื้อรอบดวงตา แต่ไอกล้ามเนื้อนี้สำคัญยังไง ?
หนึ่งในพฤติกรรมที่หมาป่า และสัตว์อื่น ๆ ไม่มี แต่พบในหมาคือการสบตามนุษย์ ซึ่งตามปกติแล้วการจ้องตากันในสัตว์ส่วนใหญ่คือพฤติกรรมของการขู่แม้แต่ในระหว่างหมาด้วยกันเอง แต่สำหรับหมา แมว และม้ากลับใช้การสบตากับมนุษย์เพื่อเป็นการสื่อสาร ซึ่งกล้ามเนื้อที่หมามีเพิ่มมาชิ้นนี้แหละคือสิ่งที่ถูกวิวัฒนาการมาเพื่อการสื่อสารกับมนุษย์เราด้วยดวงตา แต่สิ่งที่ดวงตานั้นพยายามจะสื่อสารก็ร้ายกาจมาก
เพราะการขยับของกล้ามเนื้อชิ้นนั้นทำให้เกิดการยกคิ้วด้านในขึ้นมานิด ๆ ซึ่งกระตุ้นให้สมองของเหยื่อ (เจ้าของ) นึกถึงเด็กน้อยที่กำลังเศร้า ! และเกิดอาการเอ็นดูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นั่นทำให้เราพูดได้ในอีกทางนึงว่าความพยายามที่จะอ้อนมนุษย์ของหมายุคโบราณเมื่อกว่าสามหมื่นปีที่แล้วนั้นส่งผลให้หมายุคเราสามารถทำสายตาออดอ้อนเราได้ในที่สุด
งานวิจัยที่ 3 พบว่าแค่กลิ่นของเจ้าของทำให้หมามีความสุขได้
Gregory S. Berns และคณะเอานำน้องหมาเข้าเครื่อง fMRI ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ดูได้ว่าตอนนั้นสมองส่วนไหนของหมากำลังทำงานอยู่ เพื่อทดสอบการตอบสนองของน้องต่อสิ่งต่าง ๆ
การทดลองนี้ให้หมาดมกลิ่นที่แตกต่างกันและดูว่าสมองหมาส่วนไหนเขาทำงานบ้างโดยโฟกัสกับสมองส่วน caudate nucleus ซึ่งคือส่วนของสมองที่ทำงานเวลาที่หมามีความสุข เขาพบว่ากลิ่นที่กระตุ้นสมองส่วนนี้ได้ดีที่สุดคือกลิ่นของเจ้าของ
งานวิจัยที่ 4 พบว่าหมาเป็นสัตว์เดียวที่เข้าใจโทนเสียงมนุษย์ได้
Attila Andics และคณะ ใช้เครื่อง fMRI เช่นกัน แต่ในครั้งนี้เขาใช้เสียงของมนุษย์ในโทนเสียงที่แตกต่างกันเพื่อดูว่าสมองของหมา กับมนุษย์นั้นตอบสนองต่อโทนเสียงที่แตกต่างกันเหมือนกันไหม
ผลการทดสอบออกมาว่ามนุษย์ และหมาสามารถเข้าใจโทนเสียงไปในทิศทางเดียวกันและรับรู้จากโทนเสียงได้ตรงกัน นั่นหมายถึงว่าเวลาเราใช้เสียงสองคุยกับหมาทั้งเราและเขาจะสามารถเข้าใจตรงกันได้ว่าเราอารมณ์ดีอยู่ แต่ถ้าเราเริ่มใช้น้ำเสียงดุน้องเขาก็จะเข้าใจเช่นกันว่าเรากำลังอารมณ์ไม่ดี
การค้นพบนี้เป็นเรื่องเล็ก ๆ เรื่องหนึ่งที่เจ้าเราน่าจะดูออกกันอยู่แล้วว่าหมาเข้าใจโทนเสียงที่แตกต่างกันของเรา แต่เรื่องเล็ก ๆ นี้ก็มีความมหัศจรรย์อย่างนึงคือความเข้าใจโทนเสียงระหว่าง 2 สปีชี่ย์นี้เป็นเรื่องที่มีแค่มนุษย์กับหมาเท่านั้นที่สามารถสื่อสารกันได้ในระดับนี้
งานวิจัยที่ 5 พบว่าสัมผัสจากมนุษย์ทำให้หมามีความสุข
งานวิจัยที่จะเล่าในวันนี้โดย Maria Petersson และคณะ เป็นหนึ่งในหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดว่าหมารักเราคือเขาพบว่าเวลาที่เราเล่นกับหมา โดยเฉพาะการสัมผัสตัว เช่น การลูบหัวนั้น เป็นการกระตุ้นฮอร์โมนหนึ่งที่มีชื่อว่า oxytocin
โดย oxytocin เป็นฮอร์โมนที่ทั้งมนุษย์และหมาเองก็มีทั้งคู่ และถูกเรียกว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความรัก ที่ในมนุษย์จะเกิดในตอนที่เวลาเราสัมผัสกับคนที่เรารัก และส่งผลกระตุ้นให้เราใจเย็นและมีความสุข
และสำหรับหมานั้นฮอร์โมนนี้จะเกิดขึ้นเวลาที่เขาได้กลิ่นเรา โดนเราลูบหัว และเล่นกับเรา ส่งผลให้เขาสงบลง และมีความสุขไปด้วย
ที่สำคัญคือไม่ใช่แค่หมาเท่านั้นมีความสุขจากการเล่นกับเรา และโดนเราลูบหัว งานวิจัยจากหลายแหล่งยังพบว่านอกจากคนรักแล้วนั้นสัมผัสจากหมาก็กระตุ้น oxytocin ในมนุษย์ได้เช่นกัน
ทั้งหมดนี้คือหลักฐานต่าง ๆ ที่ผมได้รวบรวมมาจากหลาย ๆ แหล่งนะครับ ซึ่งยังมีในอีกหลายแง่มุมที่ไม่ได้เอามาเล่าในวันนี้ ซึ่งทุก ๆ งานวิจัยยิ่งชี้ให้เห็นถึงว่าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหมาเป็นสิ่งพิเศษที่ไม่พบระหว่าง 2 สปีชี่ย์ไหนอีกแล้ว ส่วนทั้งหมดนี้จะเรียกว่าความรักได้ไหมนั้นต้องขึ้นอยู่กับเจ้าของเราจะตีความกันครับ