พฤติกรรมตามธรรมชาติในแบบหมา ๆ เช่น เห่าร้องไม่หยุด ขับถ่ายไม่เป็นที่เป็นทาง ทำลายข้าวของ มักจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หมาหลายตัวถูกทิ้ง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก เพราะการฝึกเพื่อป้องกันปัญหาพฤติกรรมนั้นไม่ยากเลยครับ และมันยังเป็นการใช้เวลาด้วยกันที่ดีด้วย โดยวันนี้เราจะมาดูหลักการการฝึกหมาในแบบของ Dogology กันครับ

4 เรื่องที่อยากบอก เพื่อการเลี้ยงหมาอย่างมีความสุข

1. เริ่มฝึกยิ่งเร็วยิ่งดี

ปัญหาพฤติกรรมส่วนใหญ่ของหมานั้นเป็นเรื่องที่ถ้าป้องกันได้จะง่ายกว่าแก้มาก ๆ เพราะแม้หลาย ๆ อย่างจะเป็นธรรมชาติของหมา แต่หมานั้นเป็นสัตว์ที่มีความยืดหยุ่นสูง และพร้อมที่จะปรับตัวเข้าหามนุษย์มาก ๆ โดยเฉพาะในวัยเด็ก

โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นหมาเด็กอายุ 2 ถึง 4 เดือนนั้นการฝึกเพียงแค่เดือนแรก แม้จะผู้ปกครองมือใหม่ที่ไม่เคยเลี้ยงหมาแต่มีความตั้งใจสามารถที่จะป้องกันปัญหาพฤติกรรมกว่า 90% ได้ด้วยตัวเองเลย

แต่ในขณะเดียวกันถ้าหมาอายุ 3 ขวบและมีปัญหาขับถ่ายไม่เป็นที่แค่ปัญหาเดียว เจ้าของอาจต้องใช้เวลานาน และอาจต้องให้ครูฝึกช่วยด้วย และถ้าเป็นปัญหาหมาดุนั้นจะยิ่งใช้เวลานานกว่าและยากกว่านั้น

2. การฝึกคือการสร้างนิสัยที่ดีให้หมา

หมานั้นเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมเป็นแบบแผนค่อนข้างชัด และมักจะทำอะไรสม่ำเสมอ และเป็นข้อได้เปรียบในการฝึกหมาเพื่อป้องกันปัญหาพฤติกรรมได้โดยการสร้างนิสัยที่ดีไว้ก่อน

จากตัวอย่างเดิมเลยคือถ้าหมา 3 ขวบขับถ่ายไม่เป็นที่ นั้นแปลว่าหมาตัวนี้ขับถ่ายไม่เป็นที่มา 3 ปีแล้ว และการแก้ปัญหาคือการดัดนิสัยที่ใช้มา 3 ปี

ในทางตรงกันข้ามถ้าตั้งแต่วันแรกที่เขาย้ายเข้า เราพาลูกหมา 2 เดือนไปวางไว้บนหญ้าและรอให้เขาขับถ่าย ก่อนจะปล่อยเป็นอิสระ ในทุก ๆ โอกาสที่เขาจะต้องการขับถ่าย ภายใน 3 สัปดาห์ลูกหมาส่วนใหญ่จะขับถ่ายเป็นเฉพาะบนหญ้าเท่านั้น และอาจจะร้องเรียก หรือหาทางสื่อสารเวลาที่เขาหาหญ้าไม่เจอ

ดังนั้นหลักการสำคัญของการป้องกันปัญหาพฤติกรรมคือการสร้างนิสัยที่ดีให้กับหมานั่นนี่แหละครับ

3. ตั้งเป้าหมายชัดว่าอยากให้เขาทำอะไร

ในการที่จะสร้างนิสัยที่ดีนั้นสิ่งสำคัญคือการที่เราต้องคิดถึงเป้าหมายให้ชัด หมายถึงว่าเราต้องตอบให้ได้ว่าอยากให้หมาทำอะไร แต่ปัญหาที่พบบ่อยคือเจ้าของมักจะคิดแค่เรื่องที่อยากให้หมา “ไม่ทำ” เช่น ไม่ให้ฉี่ในบ้าน ไม่ให้เห่า ไม่ดึงสาย

แต่ปัญหาของการตั้งเป้าหมายที่เป็นคำว่า “ไม่” คือ มันคือเหมือนเวลาทำข้อสอบแล้วอาจารย์เฉลยแค่ว่าเราทำผิด แต่ไม่บอกว่าอะไรคือคำตอบที่ถูก นั่นทำให้เราต้องเดาอีกข้อ และยิ่งมีตัวเลือกเยอะเรายิ่งต้องใช้เวลานานกว่าที่จะรู้ว่าข้อไหนคือข้อที่ถูก

กลับมาดูที่หมากันครับ คิดว่าหมาการฉี่ให้ถูกที่สำหรับหมานั้นมีตัวเลือกกี่ตัวเลือก ? คำตอบคือนับไม่ถ้วน ทั้ง บนพรม บนโซฟา ใต้โต๊ะ กระบื้องแผ่นที่ 1 หรือกระเบื้องแผ่นที่ 2 สำหรับหมาเองก็คนละตัวเลือกกันทั้งหมด และถ้าเราไม่บอกตรง ๆ ว่าจะให้ฉี่ตรงไหน หมาอาจจะต้องสุ่มจนครบทั้งบ้านได้

แต่การตั้งเป้าหมายที่โฟกัสไปที่ให้หมาทำอะไรนั้นคือการให้เฉลยไปตั้งแต่ก่อนถาม คือเราพาเขาไปวางบนหญ้า นั่นหมายถึงการบอกให้เขา “ฉี่บนหญ้า” เขาจะรู้สิ่งที่ถูกต้องได้เร็วขึ้น และที่สำคัญคือเวลาที่เขาทำถูกและเรามีรางวัลให้เขาจะยิ่งเรียนรู้ได้เร็ว

ดังนั้นเวลาที่เรามีพฤติกรรมไหนของหมาที่เราไม่อยากให้เกิด ลองถามกับตัวเองครับว่าเราอยากให้เขาทำอะไรแทนที่ มันทำพร้อมกันไม่ได้ เช่น

  • ไม่พุ่งออกนอกประตู ——-> นั่งหน้าประตูจนกว่าเราจะอนุญาต
  • ไม่เห่าเล่น ——-> แทะของเล่น
  • ไม่กระชากสาย ———–> เดินข้างตัวเราไปพร้อม ๆ กัน
  • ไม่กระโดดใส่คน ————–> นั่งเวลาที่ต้องการทักทายคน
  • ไม่แทะขาโต๊ะ ————> แทะของเล่น

ในที่นี้จะเห็นว่าการนั่งจะถูกใช้บ่อย และเป็นเทคนิคนึงในการป้องกันปัญหาพฤติกรรมด้วยครับ เพราะเวลาที่หมานั่งนั้นเขาจะทำอะไรหลาย ๆ อย่างไม่ได้ เช่น เขาพุ่งไม่ได้ถ้านั่งอยู่ใช่ไหม กระโดดก็ไม่ได้ วิ่งก็ไม่ได้ นั่นแปลว่าแค่การทำให้หมาชอบนั่งเป็นนิสัยนั้นป้องกันปัญหาพฤติกรรมได้เยอะแล้วครับ รวมถึงการทำให้หมาชอบแทะของเล่นก็นิสัยที่ดีด้วยครับ

4. บางอย่างไม่ต้องสอนก็ป้องกันได้

นอกเหนือจากการตั้งเป้าหมายและสร้างให้เป็นนิสัยที่ดีกับหมาแล้ว อีกเทคนิคหนึ่งที่มาคู่กันคือการป้องกันไม่ให้หมาเกิดนิสัยไม่ดีด้วยตัวเอง เพราะในหลายสถานการณ์นั้นหมาสามารถที่จะหาทางทำอะไรสนุก ๆ ด้วยตัวเองได้จนติดเป็นนิสัยเหมือนกัน

เช่นหมาที่อยู่บ้านว่าง ๆ คนเดียวก็จะต้องหาอะไรทำด้วยความเบื่อหน่าย เขาอาจจะเริ่มแทะขาโต๊ะ หรือสายชาร์จเล่น ๆ ถ้าไม่อยู่บ่อย ๆ พฤติกรรมเหล่านี้จะกลายเป็นนิสัยที่เขาใช้ฆ่าเวลาไปเอง โดยเฉพาะว่าถ้าเขายังไม่มีนิสัยที่ดีอย่างการแทะของเล่นฆ่าเวลา

กรณีแบบนี้สิ่งที่เราสามารถทำไปพร้อม ๆ กับการสร้างนิสัยที่ดีในข้างต้น คือเราสามารถป้องกันไม่ให้เขาทำพฤติกรรมไม่ดีไปด้วยได้ ในกรณีนี้นอกจากเราจะฝึกให้เขาแทะของเล่นให้เป็นนิสัยแล้ว เราที่เราไม่อยู่เราสามารถที่จะเก็บสายชาร์จออกจากพื้นที่หมาเข้าถึงได้ หรือกักบริเวณให้หมาเข้าไปที่โต๊ะกินข้าวไม่ได้ก็ได้เช่นกัน

หลายครั้งที่ถ้าเรามองในมุมของการฝึกหมาเราสามารถฝึกได้แทบจะทุกอย่าง และแก้หลาย ๆ ปัญหาได้ด้วยการฝึก แต่ในการป้องกันปัญหาพฤติกรรมนั้นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมาก ๆ คือการ จัดการสภาพแวดล้อม (Management) หรือการจัดบ้านให้เหมาะกับหมา เช่น ถ้าหมายังเป็นวัยที่กัดแทะเยอะอยู่ เราควรที่จะจำกัดพื้นที่ให้เขาเข้าถึงได้เฉพาะที่ที่ไม่มีอะไรให้แทะ เพื่อให้เขาไม่ติดนิสัยแทะบ้าน เมื่อเขามีนิสัยการแทะของเล่นที่ดีแล้วเราถึงค่อยให้เขาเข้าถึงห้องอื่น ๆ ของบ้านได้

วิธีอื่น ๆ เช่นถ้าหมากัดทำลายพรมเช็ดเท้า เปลี่ยนเป็นพรมหินชั่วคราวจนชัวร์ว่าเขาไม่สนใจเราก็เปลี่ยนมาเป็นพรมปกติได้ หรือช่วงแรก ๆ ก็อย่าให้เขาเข้าถึงสายไฟได้ พอเขาชินแล้วเราจะวางสายชาร์จลืมไว้ที่พื้นก็ได้แล้ว หลาย ๆ อย่างเราไม่ต้องพยายามสอนครับ เพราะการแก้ปัญหาโดยการจัดสรรสภาพแวดล้อมให้เขาทำสิ่งที่เราไม่ต้องการไม่ได้นั้นก็เป็นวิธีที่ป้องกันนิสัยไม่ดีของหมาได้เยอะแล้ว เพราะเวลาที่เขาชินกับการไม่ได้ทำอะไรกับสิ่งของนั้น ๆ เขาจะมีนิสัยที่จะเมินเฉยกับของเหล่านั้นไปเอง

🐾 สรุป

ทั้งหมดนี้คือหัวใจหลักของการฝึกหมาที่ Dogology ใช้ครับ เพราะเราเชื่อว่าการฝึกหมานั้นไม่ใช่การให้เขาแสดงความสามารถพิเศษ แต่การฝึกหมาคือการทำให้เขากับเราอยู่ด้วยกันได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการสร้างนิสัยการอยู่ร่วมกันที่ดี และป้องกันปัญหาพฤติกรรมด้วยหลักการ 4 ข้อข้างต้นนี่แหละ คือหัวใจหลักของการฝึกหมาที่อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขได้ดีที่สุดครับ และไว้โอกาสหน้าผมจะมาเขียนถึงรายละเอียดขั้นตอนวิธีการฝึกของแต่ละอย่างที่พูด ๆ ไปก่อนหน้านี้นะครับ ฝากติดตามกันด้วยครับผม